Return ย้อนสอนชีวิต

Return   ย้อนสอนชีวิต


Return   ย้อนสอนชีวิต เป็นหนังสือที่รวบรวมประสบการณ์จริงที่ผู้เขียนได้สัมผัสและได้ประสบด้วยตนเองแล้วนำประสบการณ์นั้นมาร้อยเรียงเป็นหนังสือ เพื่อใช้เตือนใจให้ผู้อ่านได้ข้อคิดและได้ทำความเข้าใจชีวิตที่ผ่านมาและทำให้เราได้เห็นแนวทางในการดำเนินชีวิตให้เดินหน้าต่อไป
ในหนังสือเล่มนี้จะประกอบด้วยเนื้อหาทั้งหมดด้วยกัน 33 เรื่องที่จะทำให้เราสามารถนำมาเป็นข้อคิดในการมองสิ่งต่างๆรอบตัวและข้อคิดในการดำเนินชีวิตซึ่งเนื้อหาในหนังสือเล่มนี้ประกอบด้วย
1. บริหารเวลาชีวิต บนโลกใบนี้มีการบริหารวาระและจัดสรรช่วงเวลาให้กับทุกๆชีวิตไว้อย่างลงตัว ถ้ารู้จักบริหารจัดการเวลาให้เหมาะสมกับชีวิตในแต่ละจังหวะที่ควรจะเป็นไปอาจเป็นการต่ออายุ อารมณ์ ความคิด ความรู้สึกให้ยาวขึ้นไป
2. หกประการคือเครื่องกีดขวางทางชีวิต ซึ่งประกอบด้วย การตรึงจิตไว้กับอดีต การตรึงความคิดไว้กับความเศร้า การตรึงความรู้สึกไว้กับความเครียดแค้น การตรึงอารมณ์ให้อยู่กับความสิ้นหวัง การตรึงชีวิตไว้กับความเห็นแก่ตัวและการตรึงชีวิตให้อยู่แต่ในกะลา
3. อุปสรรคที่บดบังสายตา สาเหตุที่เป็นตัวถ่วงความเจริญก้าวหน้าในชีวิตคือการใช้เวลาให้หมดไปกับการนั่งจับผิดสิ่งรอบๆตัว รวมถึงบุคคลอื่นๆด้วยจิตใจที่ชิงชัง ลำเอียงและมีอคติที่ไม่ถูกต้อง
4.ทาสวัตถุ เบื้องหลังของชีวิตซึ่งเป็นตัวถ่วงความเป็นอิสระแห่งตนคือความลุ่มหลงในวัตถุจนกลายเป็นทาส
5. โลกสองด้าน อย่าหวังอะไรจากโลกนี้เพื่อให้เป็นไปตามที่เราคิดทุกอย่างทุกเรื่อง บางอย่างเราอาจเป็นผู้กำหนดโลก แต่บางครั้งโลกคือผู้กำหนดตัวเรา เราต้องเข้าใจโลกเพราะความเข้าใจทำให้เห็นจริงว่า โลกนี้มีเรื่องราวสองด้านเสมอ
6. จงยินดีกับชีวิตที่ถูกกำหนด ชีวิตอาจไม่ได้เป็นไปตามที่เราเลือกเสมอ บางที่สิ่งที่เราเลือกก็ไม่ได้เป็นจริงกับสิ่งที่เราหวังหรือสิ่งที่เราไม่เคยหวังกลับเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับชีวิตได้โดยไม่คาดคิดเหมือนกัน จงยอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้นเพราะสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นอาจมีบทบาทที่จะเข้ามากำหนดให้ชีวิตเราเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีที่สุดก็เป็นได้
7. กรรมติดตัว ผลติดตาม การกระทำจะส่งผลต่อชีวิตโดยตรงแต่การเลือกตัดสินใจคือด่านแรกที่จะส่งผลต่อไปและเป็นสิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าเพราะถ้าเราเลือกผิดการกระทำก็จะผิดตามมาเช่นกัน ทุกอย่างในชีวิตย่อมเดินไปตามกรรมคือการกระทำที่เราตัดสินใจเลือกเองและทั้งหมดก็จะส่งผลและมีอิทธิพลไปตลอดชีวิต
 8. ใช้ความรู้ให้คุ้มค่า คุ้มราคาที่ลงทุนเรียนรู้ ความรู้ความสามารถที่มีอาจไร้คุณค่าหรือไร้ราคาถ้าตราบใดทียังไม่ได้นำมาใช้ให้เกิดประโยชน์อย่างแท้จริงทั้งต่อตนเองหรอคนอื่น
9.ฝ่าด่านแห่งชีวิต คุณค่าของสิ่งที่ได้รับหรือรางวัลชีวิตที่ได้มา อาจไม่ได้ขึ้นอยู่ว่าสิ่งนั้นคืออะไรแต่ขึ้นอยู่ที่ว่าเองหลังของการฝ่าฟันอย่างยากลำบากถึงจะได้มาครอบครองนั้นเป็นอย่างไร
10. สิทธิในการเลือกอนาคต ไม่มีใครสร้างอนาคตให้กับเราได้ดีไปกว่าการเลือกและสร้างอนาคตด้วยตัวของเราเอง
11. สร้างความสมดุลให้กับอุณหภูมิชีวิต การสร้างความสมดุลทางอารมณ์ส่งผลต่อเนื่องถึงพฤติกรรมชีวิต ถ้าปล่อยให้อารมณ์เอียงไปข้างใดข้างหนึ่งชีวิตก็จะเอียงไปตามอารมณ์นั้นๆ และเช่นเดียวกันเมื่อควบคุมอารมณ์ให้สมดุล อุณหภูมิชีวิตก็จะอยู่ในระดับที่พอดี
12. ต้นตอของการทำลายตัวเอง ทุกอย่างที่ย้อนกลับมาทำลายตัวของเราแท้จริงแล้ว เรานั่นแหละคือต้นตอที่สำคัญและเป็นต้นเหตุของจุดเริ่มต้นซึ่งจะนำพาความเจ็บปวดมาให้ชีวิตของตัวเอง
13. ถนนชีวิต ถนนชีวิต 2 สายคือเส้นทางที่ทุกคนต้องเดินผ่าน บางทีก็ง่าย บางทีก็ยากและบางครั้งก็ลำบาก แต่บางคราวก็สบาย ถ้าชีวิตมีแต่ความสบาย วันหนึ่งความสบายก็อาจย้อนกลับมาฆ่าเราได้ เวลาที่ต้องเผชิญความยากลำบากแห่งชีวิต
14. ความสุขเป็นของคนที่พร้อมจะทำดี การรอที่จะใช้ชีวิตพร้อมทุกด้านเสียก่อนที่จะกระทำสิ่งดีๆบางทีก็อาจจะสายเกินไป เพราะเมื่อถึงเวลาที่เราพร้อมก็อาจหมดเวลาที่จะทำสิ่งดีๆเสียแล้ว ดังนั้นจงพร้อมที่จะทำดีได้ทุกเมื่อ โดยไม่จำเป็นต้องรอให้เป้นคนดีพร้อมที่สุดเสียก่อน
15. แม้บางทีชีวิตไม่ได้พร้อมทุกด้าน ถ้าเราต้องการความสุขที่มั่นคงแท้จริงเพียงแค่ให้เรามีความพร้อมอยู่เสมอต่อการทำสิ่งที่ดีต่อคนอื่น แม้จะเป็นเพียงแค่รอยยิ้มบนใบหน้าก็แสดงถึงมิตรไมตรีที่ดีทั้งผู้รับและผู้ให้อย่างน้อยความสุขเล็กๆก็ปรากฏอยู่ในใจของคนสองคน
16. เหลือแต่ตอก็ยังไม่ตาย มีลมหายใจก็ยังไม่สาย โลกนี้มีคนมากมายที่ทำลายตัวเองไปเพราะความล้มเหลวที่เกิดขึ้นนั่นเพราะเขาปล่อยให้จิตใจล้มเหลวตามไปด้วย แต่ถ้าเมื่อไหร่ยังคงรักษาจิตใจไม่ให้พังทลายหรอล้มลงชีวิตที่ยังมีลมหายใจก็คงดำเนินไปสู่จุดหมายปลายทางได้อย่างที่คาดหวัง

17. มาตรฐานชีวิตที่มีคุณค่า มาตรฐานชีวิตที่ชี้วัดถึงคุณค่าคือการใช้ชีวิตอย่างมีค่าและให้ผลแห่งชีวิตสะท้อนออกมาอย่างสร้างสรรค์ดีงาม ไม่ว่าคนๆนั้นจะเป็นใครก็ตาม
18. สมดุลคือความสมบูรณ์ การใช้ชีวิตในแต่ละยุคหรือแต่ละวัน จะต้องมีความสมดุล ยึดหลักอยู่กับความพอดีและสอดคล้องกับมาตรฐานที่เป็น แล้วความสมดุลจะสร้างให้ชีวิตเกิดความสมบูรณ์
19. จมอยู่กับความเสียใจคือการทำลายเวลาที่เสียไป วันที่ต้องเสียน้ำตาและต้องเศร้าเสียใจ อย่าปล่อยให้เวลาล่วงเลยผ่านไปโดยไม่ยอมทำหรือใส่ใจในสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิต
20. มุมมองที่มีคำตอบ การมองแบบตื้นๆจะทำให้เราเห็นแค่ภาพอุปสรรคเสมอ แต่ถ้าเรามองอย่างสร้างสรรค์ด้วยสติและปัญญา วันเวลาแห่งโอกาสจะเปิดให้เราเห็นภาพแห่งความจริง
21. อย่าวางใจในวัตถุภายนอก อย่าคิดว่าเรามั่นคงดีแล้วเพียงเพราะว่ามีฐานะที่ดีและอย่าไว้วางใจในสิ่งที่เรามีและสะสมมาเพราะว่าสิ่งที่เรามีคือสิ่งที่ไม่มีความแน่นอน วันนี้เราอาจมีแต่พรุ่งนี้อาจไม่เหลืออะไรเลยก็ได้
22. พัฒนาการแห่งชีวิต ปัญหาในชีวิตคือโจทย์เพื่อทดสอบพัฒนาการของเรา ถ้าเราฝึกตนให้พร้อมที่จะพัฒนาตัวเองอยู่แล้ว ไม่ว่าปัญหาหรืออุปสรรคใดๆก็ตามคงไม่ใช่เครื่องกีดขวางแต่กลับกลายเป็นบันไดให้เราก้าวขึ้นไป และถือเป็นพัฒนาการที่จะนำไปสู่การพัฒนาที่ดียิ่งขึ้นต่อไป
23. พิสูจน์คำพูดด้วยการกระทำ อย่ารักกันแค่เพียงคำพูด แต่จงรักกันด้วยการกระทำเพราะการกระทำคือบทพิสูจน์ของคำพูด
24. ย้อนสอนตัวอง ก่อนจะสอนใครลองย้อนกลับมาสอนตัวเองก่อนจะดีกว่าว่ามีสิ่งใดที่เราห้ามไม่ให้กระทำ แล้วตัวของเราเองยังทำอยู่หรือเปล่า หรือสิ่งที่เราแนะนำให้ปฏิบัติ ตัวของเราเองปฏิบัติจริงจังแล้วหรือยัง
25. พิสูจน์ผลความจริงที่อยู่ภายใน การรอคอยและใช้เวลาพิสูจน์จนกว่าจะรู้และเห็นถึงผลข้างในก่อนนั้นคือหลักการที่ควรนำมาใช้ในการเลือกพิจารณาสำหรับทุกเรื่องในชีวิต แม้จะเสียเวลาไปบ้างกก็ดีกว่าเสียความรู้สึกที่ดีไป
26. ความงามที่ยั่งยืน ความงามภายนอกถูกจำกัดด้วยการเวลา นานๆก็เสื่อมสภาพ แต่ความงามภายใน (จิตใจ) ย่อมอยู่เหนือกาลเวลา
27. จงระวังศัตรูที่แอบแฝงในชีวิต ศัตรูที่น่ากลัวที่สุดคือศัตรูที่อยู่ใกล้ตัวที่สุดและนั่นก็คือการยอมตกเป็นทาสของอำนาจความคิดฝ่ายต่ำในชีวิตเพราะการตกเป็นทาสคือการยอมกระทำทุกสิ่งที่นายสั่งทุกเรื่อง
28. สำคัญเท่าเทียมและพร้อมเพรียงกัน การให้เกียรติและให้ความสำคัญแก่กันและกันอย่างเข้าใจนั้นก็เป็นปัจจัยเสริมให้ชีวิตพบความสำเร็จและมีความสุขร่วมกันที่สำคัญจะส่งผลให้ชีวิตเห็นความจริงข้อหนึ่งว่า ถ้าปราศจากคนอื่นๆที่จะมาช่วยเหลือกันแล้วล่ะก็ ก็คงไม่มีความสำเร็จในวันนี้สำหรับเรา
29. ชัยชนะที่พ่ายแพ้ ความสำเร็จที่ล้มเหลว ชัยชนะแห่งความสำเร็จที่แท้จริงไม่ได้หมายถึงชีวิตที่มั่งมีวัตถุทางกายภายนอกมากมาย หากแต่หมายถึงความดีงามที่สะสมอยู่ในจิตใจเป็นคะแนนของความสำเร็จเพราะสิ่งต่างๆเหล่านี้เกิดจากการทำคุณความงามดีที่แท้จริง ไม่ใช่ชัยชนะหรือความสำเร็จหรือความดีที่เห็นอยู่เบื้องหน้าแต่กลับมีเบื้องหลังจากการทำชั่วหรือยืนอยู่บนความทุกข์ของคนอื่น
30. ส่งต่อน้ำใจ มากกว่าหน้าที่ของความมนุษย์ที่อาศัยอยู่บนโลกใบนี้คือ การเป็นผู้รู้จักให้ นั่นเพราะที่ผ่านมาตั้งแต่แรกเริ่มเราคือผู้รับมาโดยตลอด ดังนั้นการมีชีวิตอยู่ร่วมกันจะต้องรู้จักแบ่งปันด้วยจิตสำนึกไม่ใช่เพราะถูกบังคับ
 31. ผลผลิตแห่งชีวิต ธรรมชาติได้สร้างทุกสิ่งอย่างมีเป้าหมาย แม้แต่ต้นไม้สักต้นก็ยังสามารถใช้ประโยชน์ได้จากดอกผลของมัน เช่นเดียวกันชีวิตที่เกิดมาหาใช่อยู่แค่การเกิดมาอยู่เพื่อตัวเองเท่านั้น แต่ต้องมีผลแห่งชีวิตเกิดขึ้นเพื่อให้คนอื่นๆได้รับประโยชน์ต่อไป
32. ยอมรับอย่างรู้เห็นเป็นจริง จงเปิดตายอมรับเพื่อจะมองเห็นความจริง จงเปิดใจยอมรับเพื่อสัมผัสถึงความจริง เพราะการยอมรับความจริงจะนำชีวิตสู่ความเข้าใจอย่างกระจ่างแจ้ง
33. จิตใจป่วย สังคมป่วย ถ้าความมั่งมีเกิดขึ้นมาเพื่อแลกกับความสูญเสียความสงบสุขในชีวิตไป เราคงเลือกเพื่อไม่ให้เกิดการสูญเสียแม้จะมีชีวิตอยู่เพียงแค่พอมีพอกิน
หากใครได้อ่านหนังสือเล่มนี้จนจบเล่มรับรองเลยว่าจะได้มุมมองความคิดและข้อคิดดีๆในการดำเนินชีวิตจากหนังสือเล่มนี้มากมายแน่นอน
ข้อดีของหนังสือเล่มนี้
1.เป็นหนังสือที่สอนมุมมองความคิดใหม่ๆในการดำเนินชีวิตของเรา
2. มีข้อคิดดีๆให้เราคิดตามตลอดทั้งเล่ม
3. ทำให้เราสามารถนำอดีตที่ผ่านมา มาเป็นข้อเตือนใจในการกระทำเรื่องต่างๆในปัจจุบัน
4. ช่วยเตือนให้เรากลับมาทบทวนวิธีคิดที่เรามีต่อสิ่งรอบข้างมากขึ้น
5. ทำให้ผู้อ่านเข้าใจชีวิตมากยิ่งขึ้นและเป็นกำลังใจให้คนที่ท้อแท้และหมดหวังในการดำเนินชีวิต
ข้อเสียของหนังสือเล่มนี้
1. บางครั้งข้อคิดบางเรื่องก็เป็นปรัชญามากเกินไป จนไม่สามารถนำมาปฏิบัติได้จริง
 2. น่าเบื่อสำหรับคนที่คิดว่าตัวเองดำเนินชีวิตได้ดีไม่มีเรื่องอะไรให้กลุ้มใจ
 3. ความคิดในบางเรื่องอาจไม่ตรงกับคนอ่าน จนคนอ่านคิดว่าไม่น่าสนใจ

อ้างอิง
สันทัด  ขุนมุด. Return ย้อนสอนชีวิต. กรุงเทพมหานคร : ใยไหม, 2550.

จัดทำโดย:นางสาวชนากานต์ อินธิเดช  
รหัสนักศึกษา:5223400110



การวิจัยงานโฆษณา


การวิจัยโฆษณา (Advertising Research)
ผู้แต่ง:วีระพงษ์ พวงเล็ก 

     ข้อมูลทางการตลาดและทางการโฆษณาถือได้ว่าเป็นสิ่งสำคัญต่อการวางแผนการตลาดและการโฆษณาเป็นอย่างมาก หากมีข้อมูลที่ดีมีคุณภาพ คือ มีความเที่ยงตรงและมีความเชื่อมั่นสูง ก็จะส่งผลให้กระบวนการวางแผนการตลาดและการโฆษณามีประสิทธิภาพและประสิทธิผล สามารถทำการสื่อสารการตลาดได้เข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคเป้าหมาย และส่งผลให้ตราสินค้านั้นมีความแข็งแกร่งยิ่งขึ้น
          การวิจัยตลาด การวิจัยการโฆษณา และการวิจัยผู้บริโภค เป็นการศึกษาแสวงหาความรู้อย่างเป็นระบบ เพื่อนำข้อมูลที่ได้ไปประยุกต์ใช้ในการวางแผนการตลาด วางแผนการโฆษณา เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคมากที่สุด หวังให้ผู้บริโภคเกิดพฤติกรรมในการซื้อสินค้าและบริการภายใต้ตราสินค้าที่เราสื่อสาร
          การวิจัยการตลาด คือ การออกแบบดำเนินการด้านการเก็บรวบรวมข้อมูลอย่างมีระเบียบแบบแผนหรือมีหลักเกณฑ์ มีการประมวล และการวิเคราะห์ข้อมูลอย่างเป็นระบบ โดยสามารถนำผลที่ได้มาช่วยประกบการตัดสินใจ แก้ปัญหาทางการตลาดต่างๆที่ประสบอยู่ หรือนำมาทางโอกาสทางการตลาด และยังสามารถนำไปกำหนดกลยุทธ์และพัฒนากิจกรรมทางการตลาดให้ดีขึ้น โดยต้องดำเนินการอย่างมีระบบ ระเบียบ และมีการวางแผนต่างๆล่วงหน้าอย่างรอบคอบ ไม่อคติ เพื่อให้ผลการวิจัยแม่นยำและมีความน่าเชื่อถือ ได้ข้อมูลที่มีประโยชน์ และมีคุณค่าต่อการตัดสินใจทางการตลาดมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ซึ่งข้อมูลที่ได้นั้นควรมีลักษณะต่างๆ
    ข้อมูลต้องมีความทันสมัย ทันต่อเหตุการณ์
    ข้อมูลที่เก็บรวบรวมมาต้องเพียงพอต่อการตัดสินใจ
    ข้อมูลที่ได้รับมาจะต้องเกี่ยวข้องกับปัญหาที่กำลังศึกษาอยู่
    ข้อมูลที่นำมาศึกษาต้องเป็นข้อมูลที่จำเป็นต่อเรื่องที่ศึกษาอยู่และมีความสำคัญต่อประเด็นที่ศึกษา
        การวิจัยการโฆษณา เป็นวิธีแสดงข้อเท็จจริง โดยมีระบบระเบียบในการเก็บรวบรวมวิเคราะห์ และประมวลผลต่อประเด็นต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการโฆษณา ทั้งพฤติกรรมผู้บริโภค สื่อโฆษณา แนวความคิดและวิธีการสร้างสรรค์การโฆษณาเพื่อการโน้มน้าวใจผู้บริโภค กิจกรรมทางการสื่อสารการตลาด ทัศนคติและความพึงพอใจต่อโฆษณา พฤติกรรมการซื้อสินค้าและบริการหลังการขาย เพื่อนำผลที่ได้ไปใช้ประโยชน์ในทุกขั้นตอนการผลิต การวิจัยการโฆษณาและการวิจัยการตลาดไม่ได้มีความแตกต่างกันมากนัก และไม่สามารถจะแยกออกจากกันได้อย่างชัดเจน เนื่องจากในการวางแผนจำเป็นต้องใช้ข้อมูลที่รวบรวมจากการวิจัยการตลาด เพื่อเป็นข้อมูลในการตัดสินใจในการวางแผนงานโฆษณาตั้งแต่เริ่มต้อนจนกระบวนการสุดท้าย  การวิจัยการโฆษณาและการวิจัยการตลาดต่างเป็นการศึกษาเกี่ยวกับผู้บริโภค ผลิตภัณฑ์หรือบริการ ซึ่งหมายความว่า ทั้งการวางแผนการตลาดและการวางแผนงานโฆษณา ต่างก็จำเป็นที่จะต้องศึกษาผู้บริโภค ต้องรู้จักผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายที่เราต้องการทำการตลาดและทำการสื่อสารให้มากที่สุด   การวิจัยมีบทบาทสำคัญต่อการดำเนินธุรกิจโฆษณา 
1. เป็นเครื่องมือในการแสวงหาข้อมูลในการวางแผนการโฆษณา
2. เป็นเครื่องมือในการแสวงหาข้อมูลเพื่อประกอบการจัดสินใจ 
3. เป็นเครื่องมือในการประเมินประสิทธิภาพและประสิทธิผลทางการโฆษณา
        ขั้นตอนการวิจัยสามารถแบ่งออกเป็น 2 ขั้นตอน คือ ขั้นตอนภาคทฤษฎีและขั้นตอนภาคปฏิบัติ ซึ่งการวิจัยเริ่มจากการสงสัยหรือการกำหนดปัญหานำในการวิจัยก่อน ซึ่งปัญหานำจะต้องเป็นประโยคคำถาม และตั้งชื่อเรื่องของในการวิจัย ซึ่งต้องสั้นกะทัดรัด เข้าใจง่าย โดยคำนึงถึงองค์ประกอบ3ด้าน คือ ศึกษาอะไร ศึกษากับใคร และศึกษาอย่างไร จากนั้นเขียนที่มาและ ความสำคัญของปัญหา ซึ่งต้องเขียนให้เข้าใจประเด็นที่สำคัญว่าเพราะเหตุใดจึงต้องทำการวิจัยชิ้นนี้ขึ้น ส่วนวัตถุประสงค์ต้องเขียนให้สอดคล้องกับปัญหานำ โดยแยกออกมาเป็นข้อๆ ขอบเขตการวิจัย เพื่อให้ทราบถึงกรอบหรือขนาดของเรื่องที่จะศึกษา ตามด้วย นิยามศัพท์เพื่อให้มีความเข้าใจตรงกันทั้งผู้ที่การวิจัยและผู้อ่านรายงานการวิจัย และประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ ต้องเขียนให้เห็นถึงประโยชน์ที่จะนำผลการวิจัยไปใช้ให้เกิดประโยชน์
            กรอบแนวคิดในงานวิจัย เป็นสิ่งสำคัญสำหรับการดำเนินการวิจัยเป็นอย่างมาก เนื่องจากเป็นการแสดงความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรต่างๆ ซึ่งกรอบแนวคิดการวิจัยนี้มาจากการที่นักวิจัยได้ทำการทบทวนแนวคิด ทฤษฎี และงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง เพื่อใช้เป็นแนวทางในการศึกษาการวิจัยถึงประเด็นที่ศึกษาว่า มีผู้ใดเคยทำการศึกษาหรือเคยทำการวิจัยมาก่อนหรือไม่ ซึ่งนักวิจัยสามารถรวบรวมแนวคิด ทฤษฎี และการวิจัยที่เกี่ยวข้องต่างๆ ได้จากหนังสือ วิทยานิพนธ์ งานวิจัยต่างๆ รายงานการวิจัย วารสาร หนังสือพิมพ์ อินเตอร์เน็ต
          การออกแบบการวิจัย คือ การกำหนดรูปแบบของรายละเอียดต่างๆที่ต้องดำเนินการกำหนดวิธีการหรือแนวทางเพื่อให้ได้ข้อมูลหรือคำตอบต่อวัตถุประสงค์จากสิ่งที่ผู้วิจัยก่อนว่า ผู้วิจัยต้องการข้อมูลอะไร แบบใด ลักษณะใด และเพื่อนำไปทำอะไร เพื่อจะได้ออกแบบการวิจัยผู้ต้องตรงตามประสงค์ได้อย่างชัดเจนซึ่งในการออกแบบงานวิจัยนั้น ต้องคำนึงถึงหลัก MAX,MIN,Con Principle เพื่อความน่าเชื่อถือของผลการวิจัยที่สูงสุด โดยปราศจากความคลาดเคลื่อน เพื่อนำผลที่ได้ไปสร้างประโยชน์ต่างๆ ได้อย่างแท้จริง นอกจากนี้ในการออกแบบการวิจัย นักวิจัยต้องรู้จักชนิดหรือรูปแบบการวิจัยต่างๆ เพื่อให้สามารถสร้างวิธีการเก็บข้อมูลต่างๆได้อย่างเหมาะสม ซึ่งชนิดของรูปแบบงานวิจัยมีทั้งเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพและมีเครื่องมือในการเก็บข้อมูลต่างๆอย่างหลากหลาย ซึ่งถ้าหากผู้ทำวิจัยได้ทำการศึกษาอย่างละเอียดและทำความเข้าใจในแต่ละรูปแบบแล้ว ก็สามารถออกแบบงานวิจัยได้ตรงตามวัตถุประสงค์ตามความต้องการอย่างแท้จริง
        การเสนอรายงานวิจัยเป็นสิ่งสำคัญและมีความจำเป็นอย่างยิ่งในการดำเนินการวิจัย ซึ่งมีผลต่อการตัดสินใจในการดำเนินการทางตลาดและการโฆษณาเป็นอย่างมาก หลักเกณฑ์ที่สำคัญใยนการเขียนรายงานการวิจัย คือ งานวิจัยต้องสามารถสื่อสารให้ผู้อ่านได้เกิดความเข้าใจและรับรู้ถึงผลที่เกิดขึ้นจากการวิจัย โดยมีการใช้รูปแบบรายงานที่ถูกต้องเหมาะสม มีการเรียงลำดับขั้นตอนของเหตุการณ์หรือกระบวนการในการทำวิจัยอย่างถูกต้อง ใช้ภาษาเขียนที่อ่านเข้าใจง่าย กระชับรัดกุม และมีความชัดเจนในเนื้อหา
         การเสนอรายงานการวิจัยสามารถแบ่งออกได้3ประเภท คือ การเสนอโครงการวิจัย การรายงานความก้าวหน้างานวิจัย และการรายงานการวิจัย
บรรณานุกรม:
วีระพงศ์  พวงเล็ก. การวิจัยโฆษณา. พิมพ์ครั้งที่ 2, กรุงเทพมหานคร : มหาวิทยาลัยกรุงเทพ, 2553

จัดทำโดย:นางสาวกิตติยา  ไกรษี
รหัสนักศึกษา:5223451060

หลักเศรษฐศาสตร์

หลักเศรษฐศาสตร์


ประพันธ์ เศวตนันทน์ และ ไพศาส เล็กอุทัย
ความหมายและความสำคัญของเศรษฐศาสตร์

  1. เศรษฐศาสตร์เป็นวิชาที่ว่าด้วยกิจกรรมด้านการผลิต การกระจาย
    สินค้าและบริการที่ผลิตได้ไปสู่ผู้บริโภคอย่างมีประสิทธิภาพ
  2. เศรษฐศาสตร์เป็นวิชาที่ศึกษาถึงกระบวนการใช้ ทรัพยากรที่มีอยู่
    อย่างขาดแคลน  ไปผลิตเป็นสินค้าและบริการเพื่อสนองความ
    ต้องการของมนุษย์
  3. เศรษฐศาสตร์เป็นวิชาที่ศึกษาถึงการเลือกหน ทางที่จะใช้ปัจจัย
    การผลิตอันมีอยู่อย่างจำกัด เพื่อสนองความต้องการของมนุษย์ที่
    มีอยู่อย่างไม่จำกัด
  4. เศรษฐศาสตร์เป็นวิชาที่วิเคราะห์สภาพการเปลี่ยนแปลงของ
    เศรษฐกิจโดยส่วนรวม เช่น การวิเคราะห์แนวโน้มของการเปลี่ยน

    แปลงราคาสินค้า วิเคราะห์สภาวะการว่างงาน เพื่อให้เข้าใจ
    ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น และหาทางแก้ไข

    ปัญหาให้เศรษฐกิจส่วนรวมดีขึ้น
  5. เศรษฐศาสตร์เป็นวิชาที่ศึกษาเรื่อง เงินตรา การธนาคาร การลง
    ทุน และทรัพย์สินหรือความมั่นคงต่าง ๆ
  6. วิชาที่ศึกษาถึงการนำเอาทรัพยากรธรรมชาติ(ปัจจัยการผลิต)ที่มี
    อยู่อย่างจำกัด นำมาผลิตสินค้า
    และบริการชนิดต่าง ๆ เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของมนุษย์
    ที่มีอยู่อย่างไม่จำกัด 

    โดยใช้กรรมวิธีการผลิตที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดและใช้ต้นทุน
    การผลิตต่ำที่สุด
อุปสงค์ (Demand)
               อุปสงค์ในวิชาเศรษฐศาสตร์ หรือภาษาอังกฤษใช้คำว่า Demand หมายถึง ความต้องการซื้อสินค้าหรือบริการ ณ ระดับราคาต่าง ๆ ในระยะเวลาใดเวลาหนึ่ง เมื่อกำหนดให้ปัจจัยอื่น ๆ คงที่
โดยอุปสงค์จะประกอบไปด้วย 2 ส่วน ได้แก่ 
1. ความต้องการที่จะซื้อ หรือ Willing to buy
2. ความสามารถในการจ่ายเพื่อซื้อ หรือ ability to pay
              กฎของอุปสงค์คือ “หากกำหนดให้ปัจจัยอื่น ๆ คงที่ อุปสงค์หรือความต้องการซื้อสินค้าจะลดลง เมื่อราคาสินค้าแพงขึ้นหรือสูงขึ้น และอุปสงค์หรือความต้องการซื้อสินค้าจะเพิ่มขึ้น เมื่อราคาสินค้าถูกลง”
              จากความสัมพันธ์ดังกล่าว   โดยปกติ   เส้นอุปสงค์ จึงมีลักษณะที่ลาดลงจากซ้ายไปขวา (Downward slope) และมีความชันของเส้นเป็นค่าลบ ซึ่งแสดงถึงความสัมพันธ์ระหว่างความต้องการซื้อสินค้ากับราคาในทิศทางตรงกันข้าม แสดงเป็นตารางอุปสงค์ได้ดังนี้
อุปทาน (Supply)
           อุปทานในวิชาเศรษฐศาสตร์ หรือภาษาอังกฤษใช้คำว่า Supply หมายถึง ความต้องการจะขายสินค้าหรือบริการของผู้ขาย ณ ระดับราคาต่าง ๆ ในระยะเวลาใดเวลาหนึ่ง เพื่อให้ได้กำไรสูงสุด เมื่อกำหนดให้ปัจจัยอื่น ๆ คงที่
          โดยอุปทานจะประกอบไปด้วย 2 ส่วน ได้แก่ 
          1. ความต้องการที่จะขาย หรือ Willing to sell
          2. ความสามารถในการผลิต หรือ ability to produce
          กฎของอุปทานคือ “หากกำหนดให้ปัจจัยอื่น ๆ คงที่ อุปทานหรือความต้องการขายสินค้าจะลดลง เมื่อราคาสินค้าถูกลง และอุปทานหรือความต้องการขายสินค้าจะเพิ่มขึ้น เมื่อราคาสินค้าแพงขึ้น”
          จากความสัมพันธ์ดังกล่าว โดยปกติ เส้นอุปทาน จึงมีความชันของเส้นเป็นค่าบวก ซึ่งแสดงถึงความสัมพันธ์ระหว่างความต้องการขายสินค้ากับราคาที่เป็นไปในทิศทางเดียวกัน แสดงเป็นตารางอุปทานได้ดังนี้
 มือที่มองไม่เห็น ซึ่ง อดัม สมิท นักเศรษฐศาสตร์ชาวอังกฤษ เป็นคนแรกที่นำคำนี้มาใช้ในวงการเศรษฐศาสตร์ โดยปรากฏในหนังสือชื่อ The Wealth of Nation ในค..1776 ต่อมามีผู้ร่วมขยายความเกิดเป็นแนวคิดว่า เนื่องจากมนุษย์มีความเห็นแก่ตัวเป็นที่ตั้ง หากมีเสรีภาพในการหาผลประโยชน์ส่วนตน มนุษย์ก็จะตัดสินใจเชิงเศรษฐกิจด้วยเหตุด้วยผลเพื่อให้ตัวเองได้รับผลประโยชน์มากที่สุด ซึ่งจะกลายเป็นผลประโยชน์แก่ส่วนรวมโดยไม่ตั้งใจ เสมือนมีมือที่มองไม่เห็นมาชักนำไป "มือที่มองไม่เห็น" นี้ หมายถึง พลังตลาดหรือกลไกตลาด เป็นตลาดที่มีการแข่งขันเสรีของวิสาหกิจเอกชนขนาดเล็กจำนวนมากมาย และปราศจากการแทรกแซงของรัฐ ในตลาดที่มีเงื่อนไขดังกล่าวผู้บริโภคและผู้ผลิตจะถูกมือที่มองไม่เห็นชักนำให้มีการปรับตัวเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ เชื่อว่าตลาดนั้นสามารถกีดกันการแสวงหาผลประโยชน์ที่ดีที่สุดของสังคมได้อยู่แล้ว นักเศรษฐศาสตร์บางคนมีความเชื่ออย่างแรงกล้าว่า "มือที่มองไม่เห็น" จะทำงานได้ดีเยี่ยมในเงื่อนไขที่มีการแข่งขันโดยเสรี อย่างไรก็ตาม ในโลกแห่งความเป็นจริงการแข่งขันเสรีเป็นเงื่อนไขที่หาได้ยาก ดังนั้น "มือที่มองไม่เห็น" จึงมองไม่เห็นจริงๆ สำหรับคนทั่วไป
ข้อดี
1. ช่วยให้สามารถซื้อหรือใช้ บริโภคสินค้าที่มีอยู่จำกัดให้เกิดประโยชน์สูงสุด รู้จักใช้ รู้จักออม
2. เจ้าของปัจจัยการผลิต ใช้ความรู้ทางเศรษฐศาสตร์ ตัดสินใจใช้ปัจจัยการผลิตที่ต้นทุนต่ำแต่เกิดกำไรสูงสุ3. เข้าใจสถานการณ์ปัญหาเศรษฐกิจและปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ได้

ข้อเสีย
1. ก่อให้เกิดปัญหาการเหลื่อมล้ำอันเนื่องมาจากความสามารถที่แตกต่างกันในแต่ละบุคคลโดยพื้นฐานทำให้การหารายได้ไม่เท่ากัน  
2.ในหลายๆกรณีกลไกทางการตลาดยังไม่ใช่เครื่องมือที่มีประสิทธิภาพเพียงพอ สำหรับการจัดสรรทรัพยากรในระบบเศรษฐกิจ 3. การใช้ระบบการแข่งขันหรือกลไกราคาอาจทำให้เกิดการใช้ทรัพยากรทางเศรษฐกิจ อย่างสิ้นเปลือง


บรรณานุกรม

ประพันธ์ เศวตนันทน์ และไพศาล เล็กอุทัย. หลักเศรษฐศาสตร์. พิมพ์ครั้งที่2.
          กรุงเทพมหานคร :จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2554             
จัดทำโดย: นางสาวธัญกาญจน์  ธนพงศ์สกุลชัย
รหัสนักศึกษา:5223450115

หลักรัฐศาสตร์

หลักรัฐศาสตร์
 รศ.ดร.เรืองวิทย์ เกษสุวรรณ
 
              รัฐศาสตร์เป็นความพยายามหากฎ กฏเกณฑ์ หรือหลักการเกี่ยวกับการเมือง คำว่า การเมือง มาจากภาษากรีก ที่มีรากศัพท์การเมืองมาจากคำว่า polis หมายถึงนครรัฐ (city-state)นักปรัชญานามว่าอริสโตเติลได้เขียนหนังสือ Politics ที่เริ่มต้นว่า คนตามธรรมชาติเป็นสัตว์การเมืองโดยปฏิเสธไม่ได้ ซึ่งเป็นความรู้เรื่องอำนาจ ความชอบธรรม การปกครอง ความขัดแย้ง ความคิดและอุดมคติทางการเมือง โดยเฉพาะระบบอบประชาธิปไตยและการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ตามแบบประเพณี ได้แก่แนวคิดเกี่ยวกับรัฐ รูปแบบการปกครองเน้นเรื่องประชาธิปไตยเป็นพิเศษ คือ การมีส่วนร่วมทางการเมือง การสื่อสารทางการเมืองและมติมหาชนพร้อมทั้งเชื่อมโยงของรัฐประศาสนศาสตร์และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่พยายามแยกออกจากรัฐศาสตร์เป็นสาขาที่เป็นเอกเทศในปัจจุบัน เช่น

อุดมการณ์ทางการเมือง หมายถึง แนวความคิดทางการเมืองที่นำไปปฏิบัติจริง มีอิทธิพลต่อกระบวนการทางการเมือง ตลอดจนการใช้อำนาจรัฐ และกาให้ความชอบธรรมแก่รัฐบาล นอกจากนี้ยังสะท้อนสภาพของสังคมและวัฒนธรรมทางการเมืองของแต่ละชุมชน

ในแง่มุมนี้อุดมการณ์ก็คือความคิดชุดหนึ่งเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลง หรือการปกป้องโครงสร้างของการเมืองที่อยู่ รวมทั้งเรื่องที่เกี่ยวข้อง จะเป็นเรื่องเกี่ยวกับการกระจายอำนาจทางการเมือง และมีลักษณะเป็นข้อถกเถียงเชิงบรรทัดฐานที่สนับสนุนโครงสร้างปฏิรูป หรือต่อต้านการเปลี่ยนแปลง เพราะฉะนั้น อุดมการณ์จึงมิใช่เป็นเพียงปรัชญาการเมือง อุดมการณ์ทางการเมืองจะเรียกร้องให้มีการกระทำ อุดมการณ์ทางการเมืองมักจะเชื่อมโยงกลุ่มคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเป็นพิเศษ

วิวัฒนาการของรัฐและการปกครอง

อดีตถึงปัจจุบัน แบ่งลักษณะความสัมพันธ์ระหว่างรัฐกับประชาชนได้ 3 รูปแบบ ประกอบด้วย

1.รูปแบบความสัมพันธ์แบบผู้ปกครองกับผู้ถูกปกครอง (Ruler and Ruled)

โดยที่วิวัฒนาการของรัฐและการปกครองนับแต่สมัยกรีกโดยเฉพาะนคร

รัฐเอเธนส์ถือว่าชาวกรีกเป็นพลเมืองที่สามารถใช้สิทธิทางการเมือง

โดยตรง แต่เมื่อประชาชนมีจำนวนมากขึ้น รูปแบบการปกครองได้เปลี่ยนโดยเป็นการให้อำนาจกับผู้ปกครองมีอำนาจเด็ดขาด ซึ่งเริ่มตั้งแต่สมัยจักรวรรดิ์โรมันแล้วเข้าสู่ยุคกลางที่ถูกครอบงำโดยศาสนจักร ต่อมาพวกปัญญาชนก็พาออกจากยุคกลางหรือยุคมืดสู่ยุคฟื้นฟูและยุคแห่งแสงสว่าง เมื่อเกิดรัฐ-ชาติ(nation-state) ขึ้นในยุโรปราวคริสต์ศตวรรษที่ 17 ทำให้อำนาจในการปกครองรัฐได้เปลี่ยนมือจากสันตะปาปา (pope) มาสู่กษัตริย์ (king) ซึ่งลักษณะการปกครองแบบนี้ฐานะของผู้ปกครองมีเหนือกว่าและสำคัญกว่าผู้ถูกปกครองเป็นอย่างมาก ผู้ปกครองเป็นผู้ชี้นำให้ประชาชนในฐานะผู้ถูกปกครองต้องปฏิบัติตามถ้าผู้ปกครองทำเพื่อประโยชน์ส่วนรวมของประชาชนเป็นที่ตั้งก็ได้ชื่อว่าเป็นการปกครองแบบราชาธิปไตย (absolute monarchy) ในทางตรงกันข้าม หากการปกครองเป็นไปเพื่อประโยชน์ส่วนตนเป็นที่ตั้ง ก็ย่อมได้ชื่อว่าเป็นการปกครองแบบทรราชย์ (tyranny) ระบบการปกครองดังกล่าว ประชาชนแทบไม่มีส่วนร่วมทางการเมืองเลย

2. รูปแบบความสัมพันธ์แบบการปกครองโดยผู้แทน (Representative Government)

หลังจากการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองที่สำคัญๆ ได้แก่ การปฏิวัติในอังกฤษเมื่อปี ค.ศ. 1688 การปฏิวัติในอเมริกาเมื่อปี ค.ศ. 1776 และการปฏิวัติในฝรั่งเศสเมื่อปี ค.ศ. 1789 มีผลทำให้กระแสของลัทธิประชาธิปไตยได้แพร่หลายไปยังรัฐต่างๆ ในทุกภูมิภาคของโลก ส่งผลต่อการทำลายศูนย์กลางการควบคุมและการผูกขาดอำนาจรัฐของบุคคลหรือคณะบุคคล ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างรัฐกับประชาชนแบบ ผู้ปกครองกับผู้ถูกปกครอง เปลี่ยนมาเป็นแบบการปกครองระบอบผู้แทน (Representative Government)

สาระสำคัญของความสัมพันธ์แบบการปกครองโดยผู้แทน คือ อำนาจรัฐที่เรียกกันว่า อำนาจอธิปไตย” (sovereignty) นั้น เป็นของประชาชน (popular sovereignty) แต่ประชาชนไม่สามารถใช้สิทธิทางการเมืองได้โดยตรงดังเช่นสมัยนครรัฐเอเธนส์ เนื่องจากมีจำนวนประชากรมากขึ้น จึงต้องมีการมอบอำนาจอธิปไตยซึ่งเป็นของประชาชนให้กับตัวแทนเป็นผู้ใช้อำนาจแทนประชาชน จึงเรียกว่า ผู้แทนราษฎรลักษณะสำคัญของการปกครองโดยผู้แทน ประกอบด้วย (1) ประชาชนมอบอำนาจอธิปไตยของตนให้ ตัวแทนไปใช้แทนตน (2) การมอบอำนาจอธิปไตยต้องผ่านกระบวนการ เลือกตั้ง” (election) ภายใต้ระบบการแข่งขัน (competition) (3) ตัวแทนของประชาชนมีอำนาจจำกัดตามที่กฎหมาย (รัฐธรรมนูญ) กำหนดไว้เท่านั้น (4) เป็นการมอบอำนาจให้กับผู้แทนอย่างมีเงื่อนไข หากผู้แทนใช้อำนาจนอกขอบเขตของกฎหมาย ใช้อำนาจโดยพลการ หรือโดยบิดเบือนเพื่อประโยชน์ส่วนตัว ประชาชนเจ้าของอำนาจอธิปไตยย่อมเรียกอำนาจคืนได้

3. รูปแบบความสัมพันธ์ของการเมืองแบบมีส่วนร่วม (Participative Politics)

ความล้มเหลวของระบบประชาธิปไตยโดยผู้แทนได้ส่งผลกระทบในทางลบต่อการพัฒนาการเมือง การพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม นักวิชาการจึงได้เสนอทางออกเพื่อแก้ไขปัญหาและจุดอ่อนของระบบประชาธิปไตยโดยผู้แทน โดยการเสนอระบบประชาธิปไตยแบบมีส่วนร่วมมาทดแทน หลักการสำคัญของระบบประชาธิปไตยแบบมีส่วนร่วมยึดหลักพื้นฐานที่ว่า ประชาชนเป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตย ประชาชนสามารถใช้อำนาจได้เสมอแม้ว่าได้มอบอำนาจให้กับผู้แทนของประชาชนไปใช้ในฐานะที่เป็น ตัวแทนแล้วก็ตาม แต่ประชาชนก็สามารถเฝ้าดู ตรวจสอบควบคุมและแทรกแซงการทำหน้าที่ของตัวแทนของประชาชนได้เสมอ

ข้อดี

1) การนำเสนอแนวคิดและข้อมูลทางการเมืองใหม่ๆเช่น อุดมการณ์ประชาธิปไตยของตะวันตก ระบบการเลือกสมาชิกใหม่ หรือ พรรคการเมืองแบบ Catchall

2) ทำให้ทราบถึงแนวคิด ทัศนคติใหม่ๆของนักปรัชญาท่านอื่นที่ไม่เคยได้ยินเช่น เลฟวิช กล่าวว่า การปกครองและกิจกรรมสาธารณะ เป็นการเมืองในชีวิตประจำวัน

3) ทำให้เข้าใจระบบการเมืองการปกครองทั้งในอดีต ปัจจุบัน อนาตค ในและนอกประเทศ

4) เป็นหนังสือที่อ่านแล้วเข้าให้ง่ายเพราะผู้เขียนได้อธิบายอย่างละเอียด เหมาะนักศึกษา วิชารัฐศาสตร์

5) ท้ายบทจะมีคำถาม เพื่อทดสอบความรู้ที่ได้อ่าน ทำให้เข้าใจมากขึ้น

ข้อเสีย

1) ในหนังสือมีคำศัพท์ภาษาอังกฤษจำนวนมาก ทำให้ผู้อ่านไม่เข้าใจ เพราะเป็นศัพท์เฉพาะทางรัฐศาสตร์

2) หนังสือมีเนื้อหาเกี่ยวกับการเมืองการปกครอง ผู้เขียนอธิบายโดยละเอียดทำให้น่าเบื่อ

บรรณานุกรม


เรืองวิทย์ เกษสุวรรณ. หลักรัฐศาสตร์. กรุงเทพมหานคร : บพิธการพิมพ์, 2548
จัดทำโดย: นายสุทัศน์  ศรีธัญรัตน์
รหัสนักศึกษา:5223401634

1.ภาพยนตร์เรื่อง X-Men: First Class


X-Men: First Class
           โดยเรื่องราวใน X-Men: First Class ใช้ยุค 60 เป็นฉากหลัง และถูกนำไปโยงกับเหตุการณ์จริงซึ่งเกิดขึ้นในช่วงสงครามเย็นระหว่างสองมหาอำนาจ อเมริกา กับ โซเวียต ที่ต่างฝ่ายก็งัดเอานิวเคลียร์มาจ้องทำลายล้างกัน จนทำให้สถานการณ์ตึงเครียดและสุ่มเสี่ยงที่จะนำไปสู่สงครามโลกครั้งที่ 3 ขณะเดียวกันนั้นเอง กลุ่มวายร้ายที่มีชื่อว่า Hellfire Club ซึ่งมี เซบาสเตียน ชอว์ (รับบทโดย เควิน เบค่อน) ก็จ้องจะฉวยโอกาสที่จะสร้างโลกใหม่หากสงครามนิวเคลียร์เกิดขึ้นจริง!
           นอกจาก มิชาเอล ฟาสเบนเดอร์ รับบท เอริค เลห์นเชอร์ (แม็คนีโต), เจมส์ แม็คอะวอย รับบท ชาร์ลส์ เซเวียร์ (โปสเฟสเซอร์เอ็กซ์) เรายังจะได้เห็นที่มาที่ไปของเหล่าบรรดามิวแทนต์คนอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น แฮงค์ แม็คคอย หรือ บีสต์ (รับบทโดย นิโคลัส โฮลต์) นักวิทยาศาสตร์หนุ่มที่กลายร่างเป็นสัตว์ประหลาดหน้าขน, เรเวน ดาร์คโฮม หรือ มิสทีค (รับบทโดย เจนนิเฟอร์ ลอว์เรนซ์) สาวตัวฟ้านักแปลงร่าง คนสนิทของชาร์ลส์ ที่ตอนหลังแปรพักตร์ไปอยู่กับแม็คนีโต,ไวท์ ควีน หรือ เอ็มม่า ฟรอสต์ (รับบทโดย แจนยัวรี่ โจนส์) สาวที่แปลงร่างเป็นเพชรได้ และเป็นมือขวาของกลุ่ม Hellfire Club
          
 X-Men: First Class (x-เม็น รุ่น 1)
           เรื่องราวของจุดกำเนิดของเรื่องราวอันยาวนานของ X-Men เกี่ยวกับประวัติความเป็นมาอันเป็นความลับของโลก ก่อนที่บรรดามนุษย์กลายพันธุ์จะกำเนิดขึ้นมาบนโลกนี้ และเรื่องราวก่อนที่ Charles Xavier และ Erik Lensherr จะกลายมาเป็นชื่อ Professor X และ Magneto ซึ่งเป็นเรื่องราวสมัยที่ทั้งคู่ยังไม่มาเป็นศัตรูคู่อาฆาตกัน และเป็นเพื่อนสนิทกัน รวมถึงเป็นสองคนแรกที่รับรู้และสามารถควบคุมพลังการกลายพันธุ์ของตนเองได้ และยังทำงานร่วมกันกับมนุษย์กลายพันธุ์คนอื่นในการกำจัดศัตรูอย่าง Armageddon อีกด้วย และรวมถึงการเปิดเผยสาเหตุที่ทำให้ทั้ง Professor X และ Magneto เกิดความบาดหมางและกลายเป็นศัตรูกันจนทุกวันนี้
           แต่ว่าด้วยเรื่องของเพื่อนสองคนที่กลายเป็นศัตรูกันนั่นคือ โปสเฟสเซอร์เอ็กซ์ กับ แม็คนีโต ที่ไม่ลงรอยกันในแนวคิดที่ฝ่ายหนึ่งเชื่อว่ามิวแทนต์สามารถอยู่ร่วมกับคน ธรรมดาได้ และก่อตั้งโรงเรียนสำหรับมนุษย์กลายพันธุ์ขึ้น ส่วนอีกฝ่ายเชื่อว่ามนุษย์กลายพันธุ์มีอำนาจเหนือคนธรรมดา จึงแยกออกมาตั้งกลุ่มเพื่อปลดปล่อยมนุษย์กลายพันธุ์     ตั้งแต่ยังเป็นเด็กไม่ว่า จะเป็น ชาร์ลส์ เซเวียร์ ที่สนใจเรื่องราวความผิดปกติของยีนในร่างกายมนุษย์ก่อนจะผันผวนตัวเป็น ศาสตราจารย์ เรเวน ที่หลบๆซ่อนเพราะร่างกายสีฟ้าของเธอต่างจากคนปกติทั่วไปก่อนที่จะได้พบกับ ชาร์ลส์ เซเวียร์ และเติบโตมาพร้อมกันในฐานะเพื่อน อีริค เลนเชอร์ ที่มีความแค้นต่อ เซบาสเตียน ชอว์ ผู้ที่เคยฆ่าแม่ของเขาตอนยังเป็นเด็กเพียงเพราะต้องการให้เขาแสดงความสามารถ ในการเคลื่อนไหวโลหะ เรื่องราวจบโดยการเสียชีวิตของ เซบาสเตียน ชอว์ และการแยกตัวของสองเพื่อนรักระหว่าง ชาร์ลส์ เซเวียร์กับอีริค เลนเชอร์ ที่เดินหน้าไปคนละทางเพราะคิดกันคนละแบบโดยที่เหล่ามนุษย์กลายพันธ์คนอื่นๆ ที่เลือกอยู่คนละฝ่าย เพื่อนรักทั้งสองคนคิดเห็นไปคนละมุม โดยชาร์ลส์มักจะเห็นว่าชีวิตคนอื่นมีค่าเสมอและไม่พยายามไปเบียดเบียนในขณะ ที่อีริคเพียงแค่ทำในสิ่งที่ต้องการแม้ว่าการกระทำนั้นจะผิดหรือสร้างความ เดือดร้อนให้ใครเขาไม่สนใจ หลังจากที่ทั้งสองต้องเดินทางคนละทางแต่ความเป็นเพื่อนของเขาก็จะไม่มีวัน จางหายไป


วิจารณ์หนัง

          เรียกว่าเป็นหนังฟอร์มยักษ์ประจำซัมเมอร์อีกเรื่องที่คอหนังทั่วโลกตั้งตา คอย และยิ่งเป็นหนังที่ว่าด้วยจุดกำเนิดของมหาสงคราม X-Men ที่คุ้นเคยกันดียิ่งเป็นหนังที่ไม่ควรพลาดเข้าไปใหญ่ และที่สำคัญเลยก็คือ X-Men: First Class ได้ แมทธิว วอห์น (จาก Kick-Ass) มาเป็นผู้กำกับ ซึ่งรับประกันได้ว่า สนุก ตื่นเต้น เข้มข้น มันส์ สะใจ!และยังจะ เน้นถึงความสัมพันธ์ของเพื่อนรักเพื่อนแค้นระหว่างเซเวียลกับอีริคได้อย่าง ดี เนื้อหาการดำเนินเรื่องของการนำเสนอตัวละครของแต่ละตัวทำได้อย่างลงตัว ซึ่งก็มีเรื่องราวเกี่ยวกับสงครามเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยเช่นกัน ส่วนที่ชอบเรื่องนี้คือ การรได้รู้เรื่องราวเริ่มต้นของหนังตระกูลเอ๊กซ์แมนที่ว่าเขาทั้งสองคนไม่ ถูกกันเพราะอะไร อะไรคือต้นเหตุที่ทำให้ชาร์ลส์เป็นศาสตราจารย์เอ็กซ์ถึงต้องเป็นอย่างนั้น การกลับมาอีกครั้งของเอ๊กซ์เม็นในครั้งนี้กลับทำให้เกิดความคิดใหม่แต่สิ่ง ที่ได้เพิ่มเติมคือแง่คิดและเนื้อเรื่องที่อัดแน่นไปด้วยเนื้อหาและทำให้ข้อ สงสัยที่เคยมีกระจ่างขึ้นเพราะในหนังกำเนิดวูฟเวอร์รีน กล่าวถึงช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง(ประมาณปี ค.ศ.1939-1945)ส่วนยุคของชาร์ลส์เกิดช่วงสงครามเย็น(ประมาณทศวรรษ 1960)


ข้อดี

1.ทำให้รับรู้ประวัติ

2.แสดงถึงความความสัมพันธ์ มิตรภาพ การแสดงออกระหว่างเพื่อน

3.ทุกฉากของภาพยนตร์ มีองค์ประกอบน่าติดตาม ไม่ว่าจะเป็นแสง สี เสียง

ข้อเสีย

1.เป็นหนังภาคต่อที่ถ้าหากว่าท่านไม่ได้ชมในภาคก่อนๆจะทำให้ไม่เข้าใจในเรื่องราว

2.เป็นหนังที่ค่อนข้างเกินความเป็นจริงในสังคม

3.เป็นภาพยนตร์ที่เกินความเป็นจริง ไม่มีทางเป็นไปได้ในสังคม แนววิทยาศาสตร์ ไซไฟน์ เป็นสิ่งที่เหนือจินตนา

2.ภาพยนตร์เรื่อง Captain America: The First Avenger


ภาพยนตร์เรื่อง Captain America: The First Avenger
ชื่อภาษาไทย กัปตันอเมริกา:อเวนเจอร์ที่ 1

เรื่องย่อหนัง Captain America: The First Avenger

              
       กัปตันอเมริกา: อเวนเจอร์ที่ 1 เป็นเรื่องราวในยุคแรกของอาณาจักรซูเปอร์ฮีโร่ของมาร์เวล   Steve Rogers เด็กชายขี้โรคที่เติบโตขึ้นมาในช่วงสภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ด้วยความที่มีฐานะยากจน และร่างกายที่อ่อนแอ ทำให้เขาต้องต่อสู้ชีวิตอย่างยากลำบาก และเมื่อสงครามโลกขยายขอบเขตมาถึงอเมริกาเขาสมัครเข้าเป็นทหาร เพื่อรับใช้ชาติ แต่เนื่องด้วยสภาพร่างกายที่อ่อนแอ เขาถูกปฏิเสฐจากทางกองทัพ แต่ความมุ่งมั่นของโรเจอร์ ไปเข้าตานายพลเชสเตอร์ ฟิลิป

          นายพลเชสเตอร์  ชวนโรเจอร์ มาเข้าร่วมโครงการลับ “operation rebirth” โปรเจคที่ทดลองเกี่ยวกับการสร้างสุดยอดทหารด้วย super soldier serum ทำให้โรเจอร์กลายเป็นสุดยอดทหาร ที่มีใจรักชาติเต็มเปี่ยม และถูกส่งไปร่วมรบที่สมรภูมิที่ยุโรป ต่อต้านกองทัพของฮิตเลอร์

          เขาถูกเด็กวัยรุ่นคนหนึ่งรู้ถึงตัวตนที่แท้จริง เด็กคนนั้น คือ Bucky Barnes ซึ่งภายหลังโรเจอร์ได้รับเขาเป็นคู่หู ระหว่าง การรบกับ Baron Heinrich Zemo ทำให้ Bucky หายสาบสูญ ส่วนตัวโรเจอร์ตกลงในมหาสมุทร Arctic ทำให้ร่างกายของเขาถูกแช่แข็งมาตลอดห้าสิบปี ก่อนที่จะถูกต้นพบโดยเหล่า Avengers ตื่นขึ้นสู่ยุคปัจจุบัน !!!

          ซึ่งนายทหารหนุ่มสตีฟ โรเจอร์ (คริส อีแวนส์) ได้อาสาสมัครเข้าสู่โปรแกรมทดลองที่จะทำให้เขากลายเป็นทหารที่มีพลังพิเศษ ที่เรียกว่า กัปตัน อเมริกา ซึ่งได้รวมทีมกับ บัคกี้ บาร์นส์ (เซบาสเตียน สแตน) และ เพ็คกี้ คาร์เตอร์ (เฮลีย์ แอทเวล) เข้าร่วมในสงครามต่อต้านองค์กรร้ายที่ชื่อว่า ไฮดร้า ซึ่งปกครองโดย เรด สกัล ปิศาจกระโหลกแดง (ฮูโก้ วีฟวิ่ง)


วิจารณ์ Captain America: The First Avenger
            
               กัปตัน อเมริกันเป็นภาพยนตร์แนวซูเปอร์ฮีโร  แต่เดิมกัปตัน อเมริกันโลดแล่นบนหนังสือการ์ตูนของค่ายมาเวลา ที่ทราบข้อมูลมาคือ ตีพิมพ์ครั้งแรกในปี ค.ศ.1941โดยนักเขียนการ์ตูนชื่อ โจ ไซม่อน บวกลบคูณหารก็70ปีมาแล้ว ถือว่านานพอสมควร ซึ่งในภาพยนตร์เรื่องนี้เกิดขึ้นในยุคสงครามโลกครั้งที่2 จากที่ดูภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโรมามากพอสมควร ไม่ค่อยเห็นหนังซูเปอร์ฮีโรเรื่องไหนที่เกิดในสงครามโลก
                สตีฟ  โรเจอร์ที่ร่างกายไม่ค่อยแข็งแรงหุ่นไม่ให้ แต่ใจรักที่อยากจะเป็นทหารยื่นใบสมัครหลายครั้งแต่ไม่มีใครรับด้วยความที่เขาใจเกินร้อยเป็นคนดีเลยเป็นที่ต้องใจของ ดร. เอสไดน์ ซึ่งเขาได้ทดสอบสภาพร่างกายและจิตใจโรเจอร์ เพื่อที่จะให้เขาเข้าโปรมแกรมทดลองเป็นทหารพิเศษซึ่งเมื่อเข้าโปรแกรมนี้               โรเจอร์กลายเป็นคนละคน กลายเป็นคนที่แข็งแกร่งและเป็นสัญลักษณ์ของความรักชาติ คอยช่วยเหลือกองทัพสหรัฐในการโจมตีกลุ่มนาซีและมีตัวร้ายเพิ่มมาอีกอันหนึ่งคือไฮดร้า ที่เชื่อว่ามีพลังลึกลับพลังจากเทพเจ้าจึงทดลองเพื่อที่จะนำพลังนั้นไปยึดครองโลก
                ภายในเรื่องถึงแม้จะเป็นยุคสงครามโลกครั้งที่2 แต่อุปกรณ์อาวุธยุทโธปกรณ์นั้นทันสมัยไฮเทคมาก โดยเฉพาะอาวุธของกลุ่มไฮดร้าที่ล้ำสมัยเกินกว่ายุคนั้นจะมี
                ส่วนของเนื้อเรื่องนั้นดูไม่ซับซ้อนเท่าใดนัก และไม่ค่อยมีอะไรให้ลุ้นเท่าไหร่ คนดูจึงไม่ค่อยเครียด มีมุกตลกแทรกมาเป็นช่วงๆนอกจากนั้นยังมีเรื่องความรักระหว่างพระเอกกับนางเอก แต่เรื่องช่วยคนนั้นย่อมสำคัญกว่าเรื่องส่วนตัว ในตอนจบกัปตันอเมริกาหลังจากที่ไปต่อสู้กับโยฮัน ชมิด แล้วก็ตกลงไปแล้วถูกแช่แข็งกว่า50ปี ที่มหาสมุทรอาร์กติกถูกค้นพบโดยเหล่า Avengers ซึ่งหนังเรื่องต่อไปที่โฆษณาไว้คือ The Avenger ซึ่งรวมกับซูเปอร์ฮีโรคนอื่นๆคือ Iron Man (ซึ่งข้อมูลจากbombik.com)
                ส่วนภาพนั้นมีทั้งแบบธรรมดาและ3มิติซึ่งหลังจากดูเรื่องแฮรี่ พอตเตอร์ภาคล่าสุดมาในระบบ3Dกัปตัน อเมริกันทำ3Dออกมาได้ดีกว่า ซึ่งมติจากเพื่อนก็เห็นพ้องกัน

                ข้อคิดที่ได้จากภาพยนตร์
1.             ทำประโยชน์เพื่อส่วนรวมมากกว่าส่วนตน
2.             ใช้สติในการแก้ไขปัญหามากกว่าการใช้กำลัง
3.             เห็นคุณค่าที่มีอยู่ในตนเองและใช้มันอย่างเกิดประโยชน์
4.             ไม่รังแกคนที่ไม่มีทางสู้หรืออ่อนแอกว่า
    

รายชื่อนักแสดงนำ
คริส อีแวนส์
เซบาสเตียน สแตน
เฮลีย์ แอทเวล
ฮูโก้ วีฟวิ่ง
ผู้กำกับ
โจ จอห์นสตัน

ข้อดี
สื่อให้เห็นถึงความเพียรพยายาม มุ่งมานะของคนที่ร่างกายอ่อนแอแต่เขาก็ได้แสดงให้เห็นว่าจิตใจของเขาไม่ได้ อ่อนเหมือนร่างกาย ที่สุดท้ายแล้วได้มาซึ่งชื่อเสียงและความสำเร็จ   ความแนบเนียนและทำให้เชื่อได้จริงๆว่าเหตุการณ์นั้นได้เกิดขึ้นจริงๆ โดยเอาเนื้อเรื่องไปอิงกับสถานการณ์โลกที่สำคัญๆโดยนำประเด็นในช่วงสงคราม โลกเข้ามาเกี่ยวข้อง
ข้อเสีย
 เรื่องนี้แสดงถึงการเอารัดเอาเปรียบผู้อื่น   ผู้ที่อ่อนแอเพียงภายนอก  เด็กๆอาจนำไปปฏิบัติตามซึ่งก็กลายเป็นปัญหาตามมาภายหลังเพราะเด็กบางคนยึดหลักของฮีโร่เขาอาจเอาเยี่ยงอย่างได้

3.ภาพยนตร์เรื่อง The Fast and The Furious 4




เร็ว..แรงทะลุนรก 4: ยกทีมซิ่ง แรงทะลุไมล์

ชื่ออื่นๆ :  The Fast and Furious 4
 ชื่อไทย :  เร็ว..แรงทะลุนรก 4: ยกทีมซิ่ง แรงทะลุไมล์
 ผู้กำกับ :  จัสติน หลิน 
 ผู้แต่ง :  คริส มอร์แกนแกรี่ สก็อตต์ ธอมสัน 
 ประเภท :   Action 
 ความยาว :  107 นาที 
 สถานที่ถ่ายทำ :  Dominican Republic ,Mexico ,United States 

เรื่องย่อ
           



            เป็นเวลานาน 8 ปีแล้วนับแต่ที่โดมินิค โทเร็ตโต้ (ดีเซล) อดีตนักเลงหัวไม้ ขับรถข้ามชายแดนเม็กซิโก และกลายเป็นพวกหนีเข้าเมือง บัดนี้ ดอมอาศัยอยู่ในบ้านหลังเล็กๆ ริมชายหาดในสาธารณรัฐโดมินิกัน และใช้ชีวิตแบบที่ต้องคอยหลบหนี อยู่กับเล็ตตี้ (ร็อดริเกซ) หนึ่งเดียวจากอดีตของเขา ดอมพยายามเริ่มต้นชีวิตใหม่ แต่เขารู้ดีว่าทางการยังตามล่าเขาอยู่
            เมื่อการตายอันน่าเศร้าของคนที่เขารัก ทำให้เขาต้องเดินทางกลับมายังแอลเอ ดอมได้พบกับชายที่เป็นทั้งเพื่อนรักและศัตรูของเขาอย่างเจ้าหน้าที่ไบรอัน โอคอนเนอร์ (วอล์กเกอร์) เมื่อพวกเขาถูกสถานการณ์บีบให้ต้องเผชิญหน้ากับศัตรูที่มีร่วมกัน นั่นก็คือเจ้าพ่อค้ายาวิปริตที่กำลังขนยาร้ายเข้าอเมริกา ดอมและไบรอันต้องสร้างความไว้วางใจต่อกันขึ้นมาใหม่ ถ้าพวกเขาอยากเอาชนะศัตรู และล้างแค้นให้กับเหตุโศกนาฏกรรมที่ศัตรูตัวร้ายกระทำต่อครอบครัวเล็กๆ ของพวกเขา
            การแทรกซึมเข้าไปในเครือข่ายผิดกฎหมาย หมายถึงการแทรกซึมเข้าไปในกลุ่มโจรที่ขนเฮโรอีนเกรดเอข้ามชายแดนจากเม็กซิโก ผ่านมายังอุโมงค์ที่รถแทบวิ่งผ่านไม่ได้ ลัดเลี้ยวเลาะเข้าไปในถ้ำต่างๆ ชายสองคนอันได้แก่ แคมโพส (จอห์น ออร์ทิซ, American Gangster, Miami Vice) และฟีนิกซ์ (ลาซ อาลอนโซ่, Jarhead, Stomp the Yard) คือคนเพียงกลุ่มเดียวที่สามารถจัดเตรียมสิ่งที่ดอมและไบรอันต้องการ และคำตอบที่พวกเขาตามหาอยู่
            เมื่อดอม, มีอา (บรูว์สเตอร์) น้องสาวของเขา และไบรอัน ได้กลับมาสัมผัสความผูกพันแบบครอบครัวที่เคยพังทลายไปเมื่อหลายปีก่อน พันธมิตรที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้กลุ่มนี้พบว่าพวกเขาต้องเล่นการซิ่งที่นำพาพวกเขาไปถึงจุดหมายปลายทาง บัดนี้ จากการปล้นขบวนรถคอนวอยในย่านชนบทที่เต็มไปด้วยภูเขาของสาธารณรัฐโดมินิกัน ชายสองคนนี้ต้องหาหนทางที่ดีที่สุดที่จะแก้แค้น จึงทำการแทรกซึมเข้าไปในเครือข่ายผิดกฎหมาย หมายถึงการแทรกซึมเข้าไปในกลุ่มโจรที่ขนเฮโรอีนเกรดเอข้ามชายแดนจากเม็กซิโก ผ่านมายังอุโมงค์ที่รถแทบวิ่งผ่านไม่ได้ ลัดเลี้ยวเลาะเข้าไปในถ้ำจนสามารถทำได้สำเร็จ

วิจารณ์หนัง 
ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นภาพยนตร์ที่มีการต่อสู้และทำผิดกฏหมายในเรื่องของการฟอกเงิน
ในลอสแอนเจลิส และธุรกิจฟอกเงินในไมอามี่ ไปถึงการดริฟท์เสี่ยงตายไปตามถนนของโตเกียว นี่คือภาพยนตร์ซีรีส์ที่ว่าด้วยเรื่องของการซิ่ง ซึ่งกลายมาเป็นภาพยนตร์ยอดนิยมไปทั่วโลกนับแต่มีการก่อกำเนิดภาพยนตร์ภาคแรก เมื่อ 9 ปีที่แล้ว แล้วในเรื่องราวบทใหม่ ตัวละครหลักทั้ง 4 ตัวนี้จากภาพยนตร์ภาคแรกได้กลับมาเจอกันอีกเป็นครั้งแรก และพวกเขาได้เดินทางกลับมายังบ้าน ที่ทิ้งทุกอย่างเพื่อเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง  วิ น ดีเซล  และพอล วอล์กเกอร์  กลับมาร่วมทีมกันในบทสุดท้ายของภาพยนตร์แฟรนไชส์ที่ทำให้อดรีนาลีนพุ่งกระฉูดอย่าง Fast & Furious นอกจากจะมุ่งหน้ากลับสู่ท้องถนนของแอลเอแล้ว พวกเขายังได้กลับไปร่วมทีมกับมิเชลล์ ร็อดริเกซ (Lost, Resident Evil) และจอร์ดาน่า บรูว์สเตอร์  เพื่อซิ่งรถคันงามแสนเท่ที่ผ่านการปรับแต่งไปตามถนนที่แน่นไปด้วยผู้คนของ แอลเอ และยังซิ่งโล้ดไปถึงเมืองนอกเมืองนาในภาพยนตร์ทริลเลอร์แอ็กชั่นที่สุด ตื่นเต้นจากฝีมือการกำกับของ จัสติน หลิน

ข้อดี

ภาพยนตร์เรื่องนี้แสดงถึงสร้างความสามัคคีและความเสียสละ เห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวมเป็นสำคัญ สะท้อนถึงสังคมในปัจจุบัน ควรมีความรับผิดชอบต่อตนเองและคนรอบข้าง สอดแทรกคำสอนของศาสนาพุทธ คือ อริยสัจ4 เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา ที่มนุษย์ทุกคนพึงปฏิบัติ

ข้อเสีย

การกระทำของตัวละครในเรื่อง ได้แสดงในด้านการค้ายาเสพติดเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย ผิดศีลธรรมไม่ควรเอาแบบอย่างบางตอนก็มีการใช้คำพูดที่รุนแรง  ผู้ปกครองควรให้คำแนะนำแก้ลูกหลานของตนเพราะเด็กสามารถเอาเป็นแบบอย่างที่ไม่ดีแล้วผลตามมาอาจทำให้เป็นปัญหาของสังคม